Various Artists – Black Rain

Tracklist

01.   Livin’ On The Edge Of The Night
Iggy Pop

02.   The Way You Do The Things You Do
UB40

03.   Back To Life (Jam On The Groove Mix)
Soul II Soul featuring Caron Wheeler

04.   Laserman
Ryuichi Sakamoto

05.   Singing In The Shower
Les Rita Mitsouko and Sparks

06.   I’ll Be Holding On
Greg Allman

07.   Black Rain Suite: Sato *

08.   Black Rain Suite: Charlie Loses His Head *

09.   Black Rain Suite: Sugai  *

10.   Black Rain Suite: Nick and Masa *

* Suite Composed By Hans Zimmer

ภาพยนตร์แนว Action ของผู้กำกับ Ridley Scott กับเรื่องราวของสองตำรวจนิวยอร์ค Nick กับ Charlie ที่ได้รับภารกิจนำตัว Sato ยากูซ่าตัวพ่อกลับไปยังญี่ปุ่น ทว่าเมื่อไปถึงสนามบิน Sato กลับหลบหนีไปได้ทำให้ตำรวจคู่หูร่วมด้วยตำรวจเพื่อนใหม่ชาวญี่ปุ่น Masa ต้องออกตามล่า ทั้งนี้การได้เรียนรู้วัฒนธรรมตะวันออกก็ทำให้ Nick ได้รับบทเรียนชีวิตใหม่อันล้ำค่าแก่ตัวเขาเอง
อัลบั้มเป็นการรวมเพลงประกอบภาพยนตร์และเพลงชุด(ยาว)ที่แต่งโดยคอมโพเซอร์ Hans Zimmer
Livin’ On The Edge Of The Night เพลง Rock แบบไม่หนักหูของ Iggy Pop ที่ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในยามค่ำคืนทั้งนี้เนื้อหาของเพลงยังสอดคล้องกับบรรยากาศโดยรวมของหนังอีกด้วย The Way You Do The Things You Do เพลง R & B เพราะๆสนุกๆยอดฮิตของ UB40
Laserman เป็นเพลงอิเล็กทรอนิคส์จากคอมโพเซอร์ชาวญี่ปุ่น Ryuichi Sakamoto ที่ฟังดูร่วมสมัยแต่ยังคงความเป็นญี่ปุ่นด้วยเสียงร้องคลอชายหญิง
มาถึงเพลง Rock สุดซึ้งที่โดดเด่นที่สุดในอัลบั้ม I’ll Be Holding On ซึ่งสื่อถึงตัวหนังอย่างแท้จริง เพลงนี้ได้เสียงร้องอันทรงพลังของ Greg Allman พร้อมกับดนตรีประกอบอันหนักแน่นของ Hans Zimmer ที่ประยุกต์มาจาก Score ในเรื่องนั่นเอง
มาถึงคิวของเพลงชุดของ Hans Zimmer ที่ยาวต่อกันกว่า 20 นาที ตัวเพลงชุดนี้เป็นการใช้ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์อย่างซินธิไซเซอร์มาผสมผสานเข้ากับเครื่องดนตรีตะวันออกอย่างฟลุ้ตและขิมซึ่งสามารถสร้างบรรยากาศแบบญี่ปุ่นได้อย่างดีเยี่ยมและทำให้ได้ดนตรีที่มีความนุ่มลึกแต่แฝงไปด้วยความรุนแรงที่พร้อมจะระเบิดออกมาทุกเมื่อ เริ่มตั้งแต่การเปิดเพลงแบบญี่ปุ่นสมัยใหม่ Sato ที่คุณจะต้องทึ่งไปกับความสามารถของดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ แล้วต่อด้วยดนตรีระทึกสุดสะพรึง Charlie Loses His Head (ชื่อเพลง Spoil เนื้อเรื่องพอสมควร) ที่ฟังแล้วชวนหวาดเสียวตาม ต่อเนื่องด้วยดนตรีช้า เหงาๆ สื่อถึงการสูญเสียเพื่อนรักของตัวเอก ก่อนที่จะตบท้ายด้วยดนตรีระเบิดแค้นสุดมันส์ นำไปสู่เพลงต่อไป Sugai อีกหนึ่งเพลงระทึกสุดมันส์ที่ฟังดูมีความหวังกว่าเพลงที่แล้ว Nick and Masa เพลงปิดสุดเท่ห์และสง่างามที่โดดเด่นด้วยการเล่นฟลุ้ต ขิม และกีตาร์ไฟฟ้าที่เข้ากันอย่างไม่น่าเชื่อ เพลงนี้เรียกได้ว่าเป็นส่วนที่ดีที่สุดในเพลงชุดนี้
นอกจากจะเป็นอัลบั้มรวมเพลงที่สื่อถึงตัวหนังได้อย่างดี ในส่วนของ Score โดย Hans Zimmer ก็ยังจัดได้ว่าเป็นการยกระดับดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ให้มีความคลาสสิคและประณีตในแบบของดนตรีตะวันออกได้อย่างน่าประทับใจครับ

My Score: 8.5/10

Various Artists – Confessions of A Shopaholic

Tracklist
1. Accessory
Jordyn Taylor
2. Fashion
Lady Gaga
3. Blue Jeans
Jessie James
4. Uncontrollable
Adrienne Bailon
5. Calling You
Kat DeLuna
6. Stuck With Each Other
Shontelle feat. Akon
7. Unstoppable
Kat DeLuna
8. Big Spender
Adrienne Bailon
9. Bad Girl
Pussycat Dolls
10. Again
Natasha Bedingfield
11. Time To Love
Trey Songz
12. Girls Just Wanna Have Fun
Greg Laswell
13. Don’t Foget Me
Macy Gray
14. Shopaholic Suite
James Newton Howard

อัลบั้มรวมเพลงประกอบภาพยนตร์ Romantic Comedy ที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายของ Sophie Kinsella ในชื่อเดียวกัน โดยเรื่องราวเกี่ยวกับคอลัมนิสต์สาว Rebecca Bloomwood ที่โชคชะตาพัดพาให้เธอได้มาทำงานเป็นคนเขียนบทความเกี่ยวกับการเงินให้ Successful Saving (ทั้งที่เธออยากทำงานกับบริษัทแม่อย่าง Alette มากกว่า) เธอประสบความสำเร็จในการเขียนคอลัมน์โดยอ้างอิงจากประสบการณ์ชีวิตซึ่งไม่มีใครรู้ว่าที่จริงแล้วเธอเป็นหนี้บัตรเครดิตซะท่วมหัวจนเอาตัวไม่รอด

จากเนื้อหาของภาพยนตร์ที่เบาสมองแต่แฝงอุทาหรณ์สอนใจสาวนักช้อป ทำให้อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลง Pop และ R &B ที่เกี่ยวกับการช้อปปิ้งเป็นเสียส่วนใหญ่
เปิดอัลบั้มอย่างมีระดับและร่วมสมัยไปกับเพลง Accessory เพลงสื่อรักผ่านสินค้าแบรนด์เนมของ Jordyn Taylor
Fashion เพลงสุดซ่าส์ฟังสนุกของ Lady Gaga ที่ชื่อเพลงก็บอกใบ้แล้วว่าเพลงนี้ต้องมีบรรยากาศความเริ่ดแบบวงการแฟชั่น โดยมีการอ้างอิงทั้งยี่ห้อสินค้าและคนดังอยู่หลายคนทีเดียว
Blue Jeans เพลงเริ่ดอารมณ์ Country ของ Jessie James พร้อมเรื่องราวสนุกๆเกี่ยวกับกางเกงยีนส์สีฟ้าตัวนี้โดยเฉพาะ

Big Spender เพลงรักแอบฟุ่มเฟือยของ Adrienne Bailon

Unstoppable และ Calling You ของ Kat DeLuna รวมไปถึง Bad Girl ของ Pussycat Dolls ก็เป็นตัวอย่างเพลงปาร์ตี้สนุกๆที่คุณฟังแล้วแทบไม่อยากจะหยุด ซึ่งแต่ละเพลงที่กล่าวมาล้วนทำให้คุณรู้สึกว่า “I want to do it” เสียจริงๆ

ผ่อนอารมณ์นักช๊อปแล้วมาหยุดคิดกันซักนิดด้วยเพลงเบาๆความหมายซึ้งๆในช่วงสุดท้ายกับ Stuck With Each Other เพลงรักเพราะๆของ Akon, Again ของ Natasha Bedingfield, Girls Just Want to Have Fun ของ Greg Laswell และ Don’t Forget Me ของ Macy Gray โดยเฉพาะเพลง Again ที่มีความไพเราะทั้งเสียงร้องทั้งดนตรีและเนื้อหาเกี่ยวกับการแก้ไขต่างๆสิ่งให้ถูกต้อง
ปิดอัลบัมด้วย Shopaholic Suite โดยคอมโพเซอร์ชื่อดัง James Newton Howard กับการทำ Score แนว Pop ที่ใช้กีตาร์ในการสร้างดนตรีสุดซึ้งและโรแมนติกอย่างได้ผล เสริมด้วยการใช้ดนตรีสังเคราะห์และดนตรีออเคสตร้า ในส่วนของการสร้างดนตรีระทึกสุดโกลาหลในช่วงท้าย
นี่คืออัลบั้มที่ทั้งฟังสนุกและฟังเอาเพลินได้เรื่อยๆพอๆกับการช้อปปิ้งแต่ก็แฝงไปด้วยสาระเกี่ยวกับความรู้จักพอซึ่งเป็นสิ่งที่ใครก็ตามควรคำนึงถึงตลอดเวลาครับ

My Score: 8/10

Various Artists – Hot Fuzz

Tracklist
1. Theme from Hot Fuzz
David Arnold
2. Goody Two Shoes
Adam Ant
3. Sgt. Rock (is Going to Help Me)
XTC
4. Village Green Preservation Society
The Kinks
5. Solid Gold Easy Action
T. Rex
6. Baby Fratelli
The Fratellis
7. Blockbuster
The Sweet
8. Dance With The Devil
Cozy Powell
9. Slippery Rock 70’s
Stavely Makepeace
10. “Uncle Derek”
Simon Pegg and Nick Frost
11. Night of Fear
The Move
12. I Can’t Control Myself
The Troggs
13. Fire
The Crazy World of Arthur Brown
14. Kick Out The Jams
Tubthumper
15. Lethal Fuzz (Osymyso Remix)
John Eric Alexander
16. Avenging Angel
Robert Rodriguez
17. Souljacker, Pt. 1
Eels
18. Caught By The Fuzz
Supergrass
19. Solid Gold Easy Action
The Fratellis
20. “What Did You Think of That?”
Simon Pegg and Nick Frost
21. Here Come The Fuzz
Jon Spencer and The Elegant Too
22. The Hot Fuzz Suite
David Arnold

ภาพยนตร์ Action / Comendy เรต R ของผู้กำกับ Edgar Wright พร้อมการกลับมาร่วมงานกันอีกครั้งของ Simon Pegg และ Nick Frost หลังจากความสำเร็จในภาพยนตร์เรื่อง Shaun of the Dead กับเรื่องราวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ Nicolas Angel ที่ถูกย้ายให้ไปประจำที่เมืองในชนบท Stanford ที่นั่นเองเขาได้พบว่าเมืองนี้ไม่ได้สงบสุขเหมือนดั่งที่เห็น Hot Fuzz เป็น Spoof Film อีกเรื่องที่สร้างออกมาได้ดีมีความลงตัวกว่า Spoof Film เรื่องไหนๆ
ภาพยนตร์มันส์ๆแบบนี้ เพลงส่วนใหญ่ในอัลบั้มก็ต้องเป็นเพลง Rock และ Punk มันส์ๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเพลงอาจไม่ร่วมสมัยเท่าไหร่เพราะเพลงส่วนใหญ่ฮิตกันในยุค 60 -80 ทั้งสิ้นแล้วด้วยความที่เป็นภาพยนตร์อังกฤษ ศิลปินนักร้องที่เลือกมาจึงเป็นชาวอังกฤษเกือบหมด
อัลบั้มที่ผมได้มานี้เป็นเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในอังกฤษซึ่งมีทั้งหมด 22 แทร็ค เยอะกว่าเวอร์ชั่นที่จำหน่ายในอเมริกาซึ่งมีแค่ 14 แทร็ค อีกเรื่องหนึ่ง คือ ทุกเพลงในอัลบั้มจะมีบทสนทนาหรือ Dialogue จากหนังแทรกเข้ามาด้วย ซึ่งแต่ละเพลงจะเชื่อมโยงกันด้วยบทสนทนาเหล่านี้จนไม่สามารถฟังแยกเพลงได้เลย แต่ถ้ามองในแง่ดีก็เป็นการสร้างอีกมิติหนึ่งให้อัลบั้มไปด้วย

Various Artists – Buffy The Vampire Slayer: Once More With Feeling

Tracklist
(พร้อมรายชื่อตัวละครที่ร้องเพลง)
1. Overture / Going Through The Motions
(Performed by Buffy, Vampire, Demon and Victim)
2. I’ve Got A Theory / Bunnies / If We’re Together
(Performed by Giles, Willow, Xander, Anya, Tara and Buffy)
3. The Mustard
(Performed by Man [David Fury] and Chorus)
4. Under Your Spell
(Performed by Tara)
5. I’ll Never Tell
(Performed by Anya and Xander)
6. The Parking Ticket
(Performed by Young Woman [Marti Noxon])
7. Rest In Peace
(Performed by Spike)
8. Dawn’s Lament
(Performed by Dawn)
9. Dawn’s Ballet *
10. What You Feel
(Performed by Sweet and Dawn)
11. Standing
(Performed by Giles)
12. Under Your Spell / Standing – Reprise
(Performed by Tara & Giles)
13. Walk Through The Fire
(Performed by Buffy, Spike, Sweet, Giles, Xander, Anya, Tara and Willow)
14. Something To Sing About
(Performed by Buffy and Spike)
15. What You Feel – Reprise
(Performed by Sweet)
16. Where Do We Go From Here?
(Performed by Dawn, Buffy, Spike, Giles, Tara, Xander and Anya)
17. Coda
(Performed by Buffy, Spike and Group)
18. End Credits (Broom Dance , Grr Arrgh) *
19. Main Title +
20. Suite from “Restless”: Willow’s Nightmare / First Rage / Chain Of Ancients *
21. Suite from “Hush”: Silent Night/First Kiss / Enter The Gentlemen / Schism *
22. Sacrifice (from “The Gift”) *
23. Something To Sing About (Demo) ^

* Score Composed By Christophe Beck
+ Score Composed By Nerf Herder
^ Performed by Kai Cole and Joss Whedon

Buffy The Vampire Slayer เป็นซีรี่ย์สที่รีเมคมาจากภาพยนตร์ชื่อเดียวกันในปี 1992 ซึ่งตัวภาพยนตร์ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ผู้อำนวยการสร้าง Joss Whedon ก็ชุบชีวิต Buffy ใหม่ในฉบับซีรี่ย์สที่ดังเป็นพลุแตก กลายเป็นอีกหนึ่งซีรี่ย์สยอดฮิตของค่าย Fox ด้วยฤดูกาลฉายกว่า 7 ซีซั่น
เนื้อเรื่องเกี่ยวกับหญิงสาวนักเรียนไฮสคูลที่ชะตากำหนดให้เธอเป็นมือปราบแวมไพร์เพื่อต่อสู้กับอำนาจมืดที่ซ่อนตัวอยู่ในเมือง Sunnydale รัฐ California
สำหรับอัลบั้มนี้มาจากตอน Once More With Feeling ในซีซั่นที่ 6 ของซีรี่ย์สซึ่ง Buffy และเพื่อนๆต้องสืบหาว่าทำไมทุกคนในเมือง (รวมถึงพวกเธอเอง) ต้องลุกขึ้นมาเต้นและร้องเพลงอยู่บ่อยครั้ง พร้อมทั้งเรื่องที่มีคนตายเพราะไฟลุกเนื่องจากการเต้นไม่หยุด ทำให้เธอต้องรีบหาผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
ด้วยเหตุนี้ตอนพิเศษนี้จึงเปรียบเสมือน Musical Episode ตามฉบับละคร Broadway ที่นักแสดงทุกคนในเรื่องได้ทั้งร้องทั้งเต้นเองซึ่งในส่วนของเพลงขับร้องก็ได้ถูกบันทึกลงในอัลบั้มนี้ทั้งหมด รวมทั้งในส่วนของ Score ที่แต่งโดยคอมโพเซอร์ Christophe Beck
ในส่วนของเพลงที่ขับร้องโดยนักแสดงเหล่านี้ผมขอไม่กล่าวอะไรมากนอกจากให้คุณได้ลองฟังกันเอง แต่รับประกันว่าฟังเพลินและสนุกสนานแน่นอน
นอกจากแทร็ค 1-19 ที่เป็นเพลงร้องและ Score จากตอน Once More With Feeling ในอัลบั้มยังมีอีก 4 แทร็คเป็นแทร็คพิเศษแถมมาให้ด้วย
แทร็คที่ 20-22 เป็น Score จากซีซั่นที่ 5 โดย Christophe Beck ได้แก่ Willow’s Nightmare / First Rage / Chain Of Ancients เพลงชุดจากตอน Restless ซึ่งเป็นดนตรีชวนหลอนด้วยเปียโน ซินธิไซเซอร์ และเสียงร้องโหยหวน
Silent Night/First Kiss / Enter The Gentlemen / Schism เพลงชุดจากตอน Hush ที่ยังคงชวนหลอนคล้ายเพลงที่แล้ว แต่มีการใช้ดนตรีและเสียงร้องโหยหวนที่หนักแน่นกว่า ส่งผลให้ Score มีความระทึกยิ่งขึ้น
Sacrifice เพลงนี้สะเทือนอารมณ์ที่สุด ด้วยความที่เพลงถูกใช้ตอนที่ Buffy ยอมสละชีวิตตัวเองเพื่อปิดประตูนรก(แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ถูกคืนชีพกลับมาอีกในซีซั่นที่ 6 อยู่ดี) เริ่มต้นการบรรเลงด้วยเปียโนไปจนถึงท่อนบูมใกล้ๆกลางเพลงแล้วจึงค่อยๆชลอจังหวะลง แล้วจบด้วยท่อนเปียโนอีกครั้ง
ปิดอัลบั้มด้วยเพลง Something To Sing About อีกครั้งในเวอร์ชั่น Demo ที่ขับร้องโดย Kai Cole ร่วมด้วยสามีของเธอและผู้อำนวยการสร้างซีรี่ย์ส Joss Whedon มาเป็นผู้เล่นเปียโนและขับร้องในช่วงท้าย (คู่นี้ช่วยเหลือกันดีจริงๆ)
อีกหนึ่งอัลบั้มที่แฟนๆซีรี่ย์ส Buffy และ Angel ไม่ควรพลาด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบละครหรือหนังเพลงต่างๆ ผมก็ขอแนะนำอัลบั้มนี้ให้คุณได้เอาไปฟังพิสูจน์ฝีมือทีมงานและนักแสดงซีรี่ย์สเรื่องนี้กันว่าเจ๋งขนาดไหน

ปล. Top 5 เพลงขับร้องโดนใจคนเขียนรีวิว
1. Walk Through The Fire
2. Something To Sing About
3. Under Your Spell
4. Standing
5. Rest In Peace

My Score: 8.5/10

Various Artists – Bean: The Album

Tracklist
1. Picture of You
Boyzone
2. I Get Around
The Beach Boys
3. Walking On Sunshine
Katrina And The Waves
4. Yesterday
Wet Wet Wet
5. Running Back For More
Louise
6. That Kinda Guy
Thomas Jules-Stock
7. Give Me A Little More
Gabrielle
8. I Love L.A.
OMC
9. He’s A Rebel
Alisha’s Attic
10. Stuck In The Middle With You
Susanna Hoffs
11. Art For Art’s Sake
10cc
12. Have Fun Go Mad
Blair
13. Can We Talk (Pure Radio Mix)
Code Red
14. Bean Theme (Mad Pianos)
Howard Goodall
15. Elected
Mr Bean and the Smear Campaign (Featuring Bruce Dickinson)

อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์สุดป่วน Bean: The Ultimate Disaster Movie เมื่อ Mr. Bean (Rowan Atkinson) ต้องมาทำงานที่แกลลอรี่ที่อเมริกาเพราะความที่เจ้านายของเขาในอังกฤษเห็นว่าเขาเป็นพนักงานที่ไม่เอาอ่าวที่สุด (ซึ่ง Bean ไม่ได้คิดเช่นนั้น แถมยังมาในฐานะ Dr. Bean เสียด้วยซ้ำ!)
อัลบั้มนี้จึงได้รวมเพลงศิลปินมากหน้าหลายตา รวมทั้งนี้ยังมีเพลงเก่าเอามาร้องใหม่โดยศิลปินรุ่นหลังๆ กับเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับอเมริกาและรูปภาพ ที่พิเศษสุดคือบางเพลงจะมีเสียงบทสนทนาจากหนัง (ที่เกี่ยวข้องกับเพลงนั้นๆ) แทรกมาทำให้ผู้ฟังได้อารมณ์ของหนังควบคู่ไปด้วย
Picture of You เพลง Pop มันส์ๆของวงไอริช Boyzone ที่เด่นที่สุดในอัลบั้ม ซึ่งถูกใช้ตอนเครดิตท้ายเรื่องนั่นเอง แล้วมามันส์กันต่อกับเพลง I Get Around วงอเมริกันร็อคระดับตำนานอย่าง The Beach Boys
Walking On Sunshine เพลงทำนองสนุกสนานฟังเพลินของ Katrina And The Waves แล้วเพลงนี้ยังเป็นหนึ่งในความสำหรับสูงสุดของวงนี้อีกด้วย Yesterday เพลงสุดฮิตของ The Beatles ที่ถูกนำมาร้องใหม่โดย Wet Wet Wet รวมถึงการเปลี่ยนทำนองดนตรี แต่ยังคงฟังได้ไพเราะไม่แพ้กัน
I Love L.A. เพลงที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับหนังที่สุด (ในส่วนของสถานที่) เดิมเพลงเป็นของ Randy Newman ถูกนำมาร้องใหม่โดย OMC แต่เพลงนี้เรียกว่าเป็นความน่าผิดหวังของอัลบั้มก็ว่าได้ เพราะจุดขายเพลงนี้ในหนังเป็นเวอร์ชั่นของ Randy Newman ซึ่งเวอร์ชั่นร้องใหม่นี้ยังฟังดูไม่โดดเด่นเท่าของเก่าเสียด้วยซ้ำ
เพลงร็อคฟังสบายๆ Art For Art’s Sake ของวงอเมริกันร็อค 10cc ที่ชื่อใกล้เคียงกับคอนเซ็ปต์หนัง
Bean Theme (Mad Pianos) เป็น Score ชิ้นเดียวและโดดเด่นที่สุดโดย Howard Goodall คอมโพเซอร์ประจำซีรี่ย์ส Mr. Bean กับดนตรีออเคสตร้าคลออันทรงพลังและเสียงเปียโนที่เล่นอย่างบ้าบิ่น (เหมือนที่บอกในชื่อเพลง) ผลลัพธ์ คือ Score แฝงอารมณ์ขันและความยิ่งใหญ่ที่จะประทับใจผู้ฟังไม่รู้ลืม
Elected เพลง Rock มันส์ๆกับเสียงร้องแบบสุดขีดของ Bruce Dickinson ทั้งนี้ยังร่วมแจม (หรือสร้างความปั่นป่วน?) โดย Mr. Bean กลายมาเป็นเพลงที่ฟังดูพิลึกแบบสุดๆ
Bean: The Album คือ อัลบั้มแห่งความทรงจำสำหรับคนรัก Mr. Bean ที่รวมเพลงเพราะๆสนุกๆไว้ฟังเล่นได้ไม่เบื่อ

My Score: 9/10

Various Artists – Romeo + Juliet, Vol. 1

Tracklist
1. #1 Crush
Garbage
2. Local God
Everclear
3. Angel
Gavin Friday
4. Pretty Piece of Flesh
OneInch Punch
5. Kissing You (Love Theme from Romeo + Juliet)
Des’ree
6. Whatever (I Had A Dream)
Butthole Surfers
7. Lovefool
The Cardigans
8. Young Hearts Run Free
Kym Mazelle
9. Everybody’s Free (To Feel Good)
Quindon Tarver
10. To You I Bestow
Mundy
11. Talk Show Host
Radiohead
12. Little Star
Stina Nordenstam
13. You And Me Song
The Wannadies

จากวรรณกรรมชิ้นเอกของ William Shakespeare “Romeo + Juliet” สู่ภาพยนตร์โดยผู้กำกับ Baz Luhrmann ที่นำเสนอได้อยากแหวกแนวและร่วมสมัยมากขึ้น (ประมาณเปลี่ยนดาบเป็นปืน เปลี่ยนรถม้าเป็นรถยนต์)
อัลบั้มชุดที่ 1 นี้เป็นการรวมเพลงจากหลากหลายศิลปินและแน่นอนว่าแต่ละเพลงต้องสื่อถึงความบาดหมางของสองตระกูล ความรุนแรง และความรักหนุ่มสาวอันบริสุทธิ์ที่นำไปสู่โศกนาฏกรรมอันน่าเศร้า
เริ่มกันด้วยเพลงฮิตของ Garbage ใน #1 Crush เพลง Pop สุดมันส์ที่มาพร้อมเสียงร้องอันเซ็กซี่ (หรือหลอนดี) Local God เพลง Rock มันส์ๆของ Everclear ที่เนื้อเพลงมีกล่าวถึง Romeo ด้วย
Angel ของ Gavin Friday เป็นเพลงที่มีดนตรีประกอบสวยงามสมชื่อเพลง Pretty Piece Of Flesh เพลง R&B ชื่อแอบโหดของ OneInch Punch สำหรับวัยโจ๋ทั้งหลายเพลง
มาถึงเพลงที่ผมภูมิใจเสนออย่างยิ่ง คือ Kissing You ของ Des’ree ที่เป็นเลิฟธีมของเรื่องนี้ โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันทรงพลังและดนตรีประกอบแบบคลาสสิคที่แสนจะโรแมนติก
Lovefool ของ The Cardigans เป็นเพลงฟังเพลินกับเสียงร้องใสๆและท่อนฮุคที่ติดหู Young Hearts Run Free เพลง Techno ชวนเต้นของ Kym Mazelle กับเนื้อร้องที่สื่อถึงหัวใจของคนหนุ่มสาว
เพลง Everybody’s Free (To Feel Good) ของ Quindon Tarver เป็นอีกหนึ่งเพลงเด่นของอัลบั้มที่โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันทรงพลังทั้งนักร้องนำและคอรัส
Little Star เพลงที่ฟังสบายไปกับดนตรีเบาๆและเสียงร้องสุดน่ารัก You And Me Song เพลงมันส์ๆของ The Wannadies ที่ใช้ปิดอัลบั้มด้วยเนื้อเพลงที่ตอกย้ำความรักชั่วนิรันดร์ได้อย่างดี (แม้ตอนจบของหนังจะดูไม่ Happy Ending เท่าดนตรีของเพลงนี้ซักเท่าไร)
สำหรับคนรัก Romeo + Juliet นี่คืออัลบั้มที่มาพร้อมเพลงหลากแนวหลากความหมายดีๆที่คุณไม่ควรพลาดครับ

My Score: 8/10

Various Artists – Uptown Girls

Tracklist

1. Charmed Life

Leigh Nash

2. Time

Chantal Kreviazuk

3. Slung-lo

Erin McKeown

4. Spinning Around the Sun

Martina Sorbara

5. Victory

The Weekend

6. On Your Own

Sense Field

7. E is for Everybody

Cooler Kids

8. Sheets of Egyptian Cotton

Jesse Spencer

9. Night of Love

Jesse Spencer

10. Frightened

Toby Lightman

11. The Truth Be Told

Keram Malicki-Sanchez

12. Molly Smiles

Jesse Spencer

13. Solo Piano

Joel McNeely

Soundtrack รวมเพลงเพราะจากศิลปินหลายหลายท่าน ซึ่งอัลบั้มนี้น่าจะถูกใจคอเพลง Pop ทั้งหลาย เด่นๆที่ผมขอแนะนำให้ลองฟังกันดู ได้แก่ เพลง Pop ใสๆ Charmed Life ของ Leigh Nash นักร้องนำเสียงสุดน่ารักจากวง Sixpence None The Richer, เพลง Timeของ Chantal Kreviazuk ที่มาพร้อมเสียงร้องอันยอดเยี่ยมและดนตรีสุดซึ้ง และเพลงน่ารักๆกับเนื้อร้องสุดเจ๋ง E is for Everybody ของ Cooler Kids ครับ

ทั้งนี้ในอัลบั้มยังมีเพลงร้องที่แต่งขึ้นสำหรับใช้ในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะมาให้ฟังกันถึง 3 เพลง ขับร้องโดย Jesse Spencer (คนที่เล่นเป็นพระเอกในเรื่องนั่นเอง) ซึ่งเพลงเด็ดๆสำหรับชายคนนี้คงหนีไม่พ้นเพลง Molly Smiles ฟังแล้วมีความหมายดีจริงๆ (เพลงนี้พระเอกร้องให้นางเอก Molly ที่รับบทโดย Brittany Murphy ตอนท้ายเรื่อง)

ปิดอัลบั้มด้วยการโชว์โซโล่เปียโนเล่นเองแต่งเองโดยคอมโพเซอร์ Joel McNeely ที่แม้จะสั้นไปนิดแต่อย่าได้ประเมินค่าเพลงนี้ต่ำไปเพราะฟังแล้วซึ้งกว่าที่คิด

ฟังสนุกและซาบซึ้ง เพลงโดยรวมสื่อถึงตัวหนังได้ดี อีกหนึ่งอัลบั้มรวมศิลปินที่ควรค่าแก่การฟังครับ

Final Score: 8